องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แนะนำให้ประชาชนงดหรือเลื่อน เที่ยงปีใหม่ เพื่อป้องกัน โควิดโอมิครอน ระบาด ย้ำหลักฐานชี้ชัดโอมิครอนแพร่เชื้อได้เร็ว เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้นำอวยการองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาแนะนำให้ประชาชนยกเลิกเที่ยวหรือเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ซึ่งผู้นำอวยการ WHO ระบุว่า มันคงเป็นสิ่งดีกว่าที่เราจะสูญเสียงานเฉลิมฉลองดีกว่าเสียชีวิต
ซึ่งนาย เกเบรเยซุส ระบุว่าถ้าหากประชาชนไม่อยากยกเลิกก็สามารถเลื่อนงานออกไปก่อนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ นาย เกเบรเยซุส ชี้ว่าขณะนี้มีหลักฐานเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าโควิดโอมิครอนนั้นสามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าโควิดเดลต้า
โดยความเห็นครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางกรมควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่าโควิดโอมิครอนกลายเป็นสายพันธ์ของประเทศแล้ว หลังจากพบผู้ป่วยใหม่ร้อยละ 73 ติดโควิดชนิดดังกล่าว แม้ว่าทางการจะเพิ่งพบโควิดโอมิครอนได้เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น
กรมควบคุมโรค สหรัฐ ออกมาเปิดเผยว่าโควิดสายพันธุ์ โอมิครอน ได้กลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักของประเทศแล้ว แม้เพิ่งค้นพบได้เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม สำนักข่าว ABC รายงานว่า กรมควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้โควิดสายพันธุ์โอมิครอนกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักของประเทศไปแล้ว หลังจากที่จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ป่วยกว่าร้อยละ 73 ของผู้ป่วยใหม่
ซึ่งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนๆ โดยจำนวนผู้ป่วยโอมิครอนเพิ่มมามากถึงร้อยละ 70 หากเทียบกับผู้ป่วยในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้นรัอยละ 72 เมื่อเทียบกับสองสัปดาห์ที่แล้ว
โดยทาง CDC ได้กล่าวถึงรายงานครั้งนี้ว่า การแพร่ระบาดของโอมิครอนนั้นเป็นสิ่งที่ทางการคาดคิดอยู่แล้ว และคล้ายคลึงกับการแพร่ระบาดทั่วโลก ทั้งนี้ทาง CDC มั่นใจว่าการคัดกรองสามารถช่วยชะลอการแพร่ระบาดของโควิดชนิดดังกล่าวได้
โควิดโอมิครอนนั้นถูกพบครั้งแรกเมื่อสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และโควิดชนิดดังกล่าวใช้เวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ในการก้าวขึ้นมาเป็นโควิดสายพันธุ์หลักของประเทศ
ในปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยโควิดใหม่ต่อวันโดยเฉลี่ยราวๆ 130,000 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยโควิดกว่า 70,000 รายที่ต้องเข้ารักษาตัวจากโรคโควิด-19
กลับลำ! ‘เผิงฉ่วย’ เผยตนไม่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ
เผิงฉ่วย นักเทนนิสหญิงชาวจีนได้ออกมาให้สัมภาษณ์สวนทางกับที่เธอกล่าวหาไว้ก่อนหน้านี้ โดยเธอยืนยันว่าเธอไม่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า เผิง ฉ่วย นักเทนนิสสาว อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก ได้ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนเป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอได้ออกมาแฉว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยนาย จาง เกาลี่ อดีตรองนายกฯจีน บังคับร่วมหลับนอนนานสิบปี
โดยเธอได้กล่าวว่า มีความเข้าใจผิดถึงข้อความฉบับดังกล่าวเป็นอย่างมาก พร้อมระบุว่าเธอไม่เคยกล่าวว่า เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนี้เธอยังได้ยืนยันอีกด้วยว่าเธอไม่ได้อยู่ภายใต้การจับตามองของรัฐบาลแต่อย่างใด และเธอสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตามหากเทียบกับจดหมายฉบับแรกของเธอนั้น เผิง ฉ่วย ได้กล่าวชัดเจนว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ และได้เจาะจงที่ตัวของนาย จาง เกาลี่ ด้าน WTA หรือ สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าพวกเขายินดีที่ได้เห็นอดีตนักเทนนิสสาวกลับมาปรากฏตัวในพื้นที่สาธารณะอีกครั้ง อยาางไรก็ตามการปรากฏตัวของเธอไม่ได้คลายกังวลถึงการแสดงออกโดยไม่ถูกเซนเซอร์หรือถูกบังคับ
ซึ่งทาง WTA ยืนยันว่าพวกเขาจะยังคงย้ำจุดยืนเดิมคือการเรียกร้องให้จีนทำการตรวจสอบคำกล่าวหานี้อย่างโปร่งใส ครบถ้วน และยุติธรรม
ก่อนหน้านี้ เผิง ฉ่วย ได้ออกมาโพสต์ข้อความกล่าวหา จาง เกาลี่ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน ผ่านเว็บไซต์เว่ยป๋อ สื่อสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ในประเทศจีน ว่าอดีตรองนายกฯได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอ และหลับนอนกับเธอกับร่วมสิบปี
โดยข้อความในโพสต์เล่าว่าในวันเกษียณอายุของ จาง เกาลี่ เขาได้ชวนเธอไปร่วมรับประทานอาหารอดีตรองนายกฯและภรรยา ก่อนที่นาย จาง เกาลี่ จะกดดันให้นักเทนนิสสาว ร่วมหลับนอนด้วย ซึ่งเธอเล่าว่าบ่ายวันเกิดเหตุเธอได้แต่ร้องไห้และปฏิเสธ จาง เกาลี่ อย่างไรก็ตามเธอยอมรับในภายหลังว่าเธอกับนายจาง เกาลี่ เริ่มความสัมพันธ์แบบลับๆกัน
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ WTA ประกาศระงับ การแข่งขันในประเทศจีนทั้งหมด โดยมีผลทันที เพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัฐบาลจีนนิ่งเฉยต่อข้อกล่าวหาของ เผิง ฉ่วย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป