ออสเตรเลีย ได้ประกาศถึงการตัดสินร่วมมือกับสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ที่เห็นพ้องในการไม่เข้าร่วม หรือบอยคอตการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ณ เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน (8 ธ.ค. 2564) สก็อต มอร์ริสัน (Scott Morrison) นายกรัฐมนตรีประเทศ ออสเตรเลีย ได้ประกาศถึงการตัดสินใจที่จะร่วมมือกับทางสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ที่เห็นพ้องต้องกันถึงการบอยคอตทางการเมือง (diplomatic boycott) หรือก็คือการไม่เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว ประจำปี 2022 ที่จัดขึ้น ณ เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน
โดยให้เหตุผลในการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็นการตอบสนองต่อ
สถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และประเด็นอื่น ๆ ที่ทางประเทศนั้นได้มีการเสนออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้แล้วนั้นนักกีฬาตัวแทนของประเทศจะยังคงเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
นายมอร์ริสันได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจเข้าร่วมการบอยคอตดังกล่าวนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากความสัมพันธ์กับประเทศจีนที่เสื่อมถอยลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ผมทำลงไปเพราะว่ามันเป็นผลประโยชน์ของประเทศออสเตรเลีย และมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่จะทำ”
ซึ่งเขาได้กล่าวอ้างว่า ทางการจีนนั้นได้ปฏิเสธโอกาสในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และทางประเทศออสเตรเลียนั้นยังคงเปิดการหารือทวีภาคีไว้
การบอยคอตไม่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 นั้น ริเริ่มโดยสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวหาว่าประเทศจีนนั้น ได้ดำเนินการล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตะวันตกของเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งทางการจีนนั้นได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างหนักแน่น
นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงการกดดันจัดการกับเสรีภาพทางการเมืองในพื้นที่ฮ่องกง อีกทั้งในกรณีล่าสุดอย่างความกังวลต่อความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของ เผิง ฉ่วย อดีตนักเทนนิสของประเทศจีน หลังจากที่เธอได้ออกมาเปิดเผยถึงการคุกคามทางเพศของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลจีน
ในส่วนของประเทศจีนนั้นได้กล่าวหาสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลนั้น ได้ทำการกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิด “ความเป็นกลางทางการเมืองในพื้นที่กีฬา” และการดำเนินการดังกล่าวนั้นมีพื้นฐานมาจาก “คำโกหก และข่าวลือ” ในเวลานี้ประเทศอื่น ๆ ที่กำลังพิจารณาถึงการเข้าร่วมการบอยคอยอย่างเป็นทางการนั้นก็ได้แก่แคนาดา และญี่ปุ่น ในขณะที่นิวซีแลนด์นั้นได้ปฏิเสธการส่งตัวแทนรัฐบาลเข้าอย่างเป็นทางการแต่ภายใต้เหตุผลด้านการแพร่ระบาดของโควิด-19
WHO ชี้ วัคซีน ควรจะได้ผลกับ โควิดโอมิครอน
องค์การอนามัยโลก ชี้ วัคซีน ควรจะยังได้ผลกับ โควิดโอมิครอน พร้อมเปิดเผยว่าอาการผู้ป่วยโอมิครอนจะเบาลง หากเทียบกับสายพันธุ์อื่น เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลทดลองของวัคซีนต่อโควิดโอมิครอน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข้อกังวลว่า โควิดสายพันธุ์ดังกล่าวจะสามารถหลีกเลี่ยงวัคซีนโควิดได้
โดย นาย ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกว่า พวกเขามีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าวัคซีนประสิทธิภาพสูงยังได้ผลกับโควิดทุกสายพันธุ์ และไม่พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าโควิดโอมิครอนจะสามารถหลบหลีกวัคซีนอื่นได้ดีกว่าโควิดกลายพันธุ์อื่นๆ
ในส่วนของความรุนแรงนั้น นาย ไรอัน ระบุว่าจากข้อมูลที่ได้รับแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโควิดโอมิครอนไม่ได้มีอาการรุนแรงกว่าผู้ป่วยโควิดเดลต้าหรือสายพันธุ์อื่นๆ ความรุนแรงของโอมิครอนมีทิศทางที่น้อยลงไป
ปัจจุบันโควิดโอมิครอนเป็นโควิดที่มีการกลายพันธุ์มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้น ซึ่งโควิดสายพันธุ์ถูกพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และส่งผลให้มีผู้ป่วยโควิดเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงความรุนแรงของโอมิครอน แต่ผู้เชี่ยวชาญรายงานตรงกันว่าผู้ป่วยโควิดโอมิครอนจะมีอาการไม่รุนแรง
กลายเป็นกระแสฮือฮา หลังจากที่ซีอีโอบริษัท better.com ประกาศ เลิกจ้างพนักงานผ่าน Zoom กว่า 900 ชีวิตก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม สำนักข่าว CNN รายงานว่านาย วิชาล การ์จ ประธานคณะกรรมการบริหาร (CEO) ของบริษัท Better.com ได้ไล่พนักงานมากกว่า 900 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดผ่านแอปฯ ZOOM ซึ่งเป็นบริการวิดีโอคอล
โดย การ์จ ได้กล่าวในวิดีโอว่า “ถ้าหากคุณอยู่ในการประชุมครั้งนี้ คุณคือผู้โชคร้ายที่จะถูกเลิกจ้าง โดยมีผลทันที” โดยนายการ์จให้สาเหตุของการเลิกจ้างครั้งนี้เป็นเรื่องผลงานเป็นหลัก รวมถึงมีการกล่าวหาด้วยว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งเอาเปรียบลูกค้าและเพื่อนร่วมงานด้วยการทำงานเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น
นอกจากนี้ ซีอีโอ คนดังกล่าวยังได้ระบุอีกว่าเขาไม่อยากทำเช่นนี้ และนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาต้องตัดสินใจแบบดังกล่าว ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เขาเลิกจ้างพนักงานออกเป็นจำนวนมากๆ เขาร้องไห้กับการตัดสินใจในครั้งนั้น
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป